ราคาบอล 1.5 หรือที่หลายคนเรียกว่า “ราคาลูกครึ่ง” เป็นหนึ่งในอัตราต่อรองที่นิยมใช้ในการเดิมพันฟุตบอล โดยเฉพาะแมตช์ที่ทีมต่อมีความแข็งแกร่งกว่าทีมรองอย่างชัดเจน ราคานี้หมายความว่า ทีมต่อจะต้องชนะอย่างน้อย 2 ประตูขึ้นไป ผู้ที่แทงทีมต่อถึงจะได้เงินเต็ม ในขณะที่หากชนะเพียง 1 ลูก จะถือว่าทีมต่อเสียเต็ม และทีมรองกินเต็มทันที
ความหมายของราคาบอล 1.5 (ลูกครึ่ง)
ราคาบอล 1.5 หรือ ลูกครึ่ง เป็นหนึ่งในอัตราต่อรองที่มักใช้ในแมตช์ที่ทีมต่อเหนือกว่าทีมรองอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศักยภาพนักเตะ ฟอร์มการเล่น หรืออันดับในตารางคะแนน โดยราคานี้หมายความว่า ทีมต่อจะต้อง ยิงชนะ 2 ลูกขึ้นไป จึงจะได้เงินเต็ม ในขณะที่ทีมรองสามารถแพ้ได้เพียง 1 ลูก ก็ยังถือว่าชนะเดิมพัน
ทำไมถึงเรียกว่า “ลูกครึ่ง”
ราคาบอล “ลูกครึ่ง” หรือที่เขียนเป็นตัวเลขว่า 1.5 เป็นหนึ่งในอัตราต่อรองที่พบบ่อย และหลายคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงใช้คำว่า ลูกครึ่ง คำตอบคือ ราคานี้หมายถึงทีมต่อจะเริ่มเกมด้วยการ “ต่อ” ให้ทีมรอง 1 ลูกครึ่ง (1.5 ประตู) หรือพูดง่าย ๆ คือทีมต่อเหมือนถูกบวกหนี้ล่วงหน้าเอาไว้ตั้งแต่เริ่มเกม
- ถ้าทีมต่อยิงได้ เพียง 1 ประตู → ยังไม่เพียงพอ เพราะตามเงื่อนไขต้องยิงมากกว่า 1.5 ลูกขึ้นไป → ทีมต่อแพ้เดิมพัน
- ถ้าทีมต่อยิงได้ 2 ประตูขึ้นไป → ถือว่าครอบคลุมราคาลูกครึ่ง → ทีมต่อชนะเดิมพันเต็มจำนวน
- ฝั่งทีมรอง → หากแพ้ไม่เกิน 1 ลูก หรือเสมอ/ชนะ จะถือว่าชนะเดิมพัน
คำว่า ครึ่ง มาจากการที่ราคาต่อรองมีการบวก 0.5 ประตู เข้าไปในอัตราต่อรองแบบเต็มลูก (1.0) กลายเป็น 1.5 จึงถูกเรียกอย่างติดปากว่า “ลูกครึ่ง” ราคาบอลลูกครึ่ง (1.5) เป็นการกำหนดให้ทีมต่อจะต้องชนะด้วยผลต่าง 2 ลูกขึ้นไป จึงจะได้รับเงินเต็ม หากชนะเพียงลูกเดียวจะเสียเดิมพันทั้งหมด ทำให้ราคานี้มักถูกใช้ในแมตช์ที่ทีมต่อมีความแข็งแกร่งกว่าทีมรองอย่างชัดเจน
ลักษณะการเดิมพันในราคานี้
ราคาบอล 1.5 หรือ ลูกครึ่ง เป็นหนึ่งในอัตราต่อรองที่มักถูกใช้เมื่อทีมต่อมีศักยภาพเหนือกว่าทีมรองอย่างชัดเจน เงื่อนไขการวางเดิมพันในราคานี้มีรายละเอียดดังนี้
แทงทีมต่อ (ต่อ 1.5 ลูก)
-
ต้องชนะด้วยผลต่าง ตั้งแต่ 2 ประตูขึ้นไป เช่น
-
2–0
-
3–1
-
4–2
ผู้เล่นที่เลือกทีมต่อจะได้เงินเต็ม
-
-
หากชนะเพียง 1 ประตู เช่น 1–0 หรือ 2–1 → ทีมต่อจะ “เสียเต็ม” เพราะไม่ครอบคลุมเงื่อนไขลูกครึ่ง
แทงทีมรอง (+1.5 ลูก)
-
สามารถแพ้ได้เพียง 1 ประตู เช่น 0–1 หรือ 1–2 → ยังได้เงินเต็ม
-
หากผลออกมาเสมอหรือทีมรองชนะ เช่น 0–0 หรือ 2–1 → ผู้เล่นที่แทงทีมรองจะได้เงินเต็มเช่นกัน
-
แต่ถ้าแพ้ตั้งแต่ 2 ประตูขึ้นไป เช่น 0–2 หรือ 1–3 → ทีมรอง “เสียเต็ม”
ราคานี้มักถูกมองว่าเป็น ความกดดันของทีมต่อ เพราะแม้จะชนะเกม แต่หากไม่สามารถทำประตูขาดเกินหนึ่งลูกได้ก็ยังถือว่าแพ้เดิมพัน ในขณะที่ทีมรองมีแต้มต่อในมือทันทีตั้งแต่เริ่มเกม ทำให้มีโอกาสชนะเดิมพันง่ายกว่าในหลายสถานการณ์ ราคาบอลลูกครึ่ง (1.5) คือการต่อที่ “สูงพอสมควร” เพราะทีมต่อจะต้องชนะอย่างน้อย 2 ลูกจึงจะได้เงินเต็ม ในขณะที่ทีมรองสามารถแพ้ได้หนึ่งลูกและยังชนะเดิมพัน ส่งผลให้ราคานี้เป็นอีกหนึ่งอัตราที่มือใหม่ควรศึกษา เพราะสะท้อนถึงความได้เปรียบ–เสียเปรียบชัดเจนที่สุด
วิธีคิดเงินราคาบอล 1.5
ราคาบอล 1.5 หรือ ลูกครึ่ง มีหลักการคิดเงินที่ค่อนข้างชัดเจน เพราะผลลัพธ์ของการเดิมพันจะออกมาเพียงสองทางคือ “ได้เต็ม” หรือ “เสียเต็ม” ไม่มีการได้ครึ่งหรือเสียครึ่งเหมือนราคาต่อรองอื่น ๆ การทำความเข้าใจวิธีคิดเงินจึงสำคัญมากสำหรับผู้เล่นทุกคน
กรณีทีมต่อชนะ 2 ลูกขึ้นไป
เมื่อวางเดิมพันในราคาบอล 1.5 (ลูกครึ่ง) หากคุณเลือกแทงทีมต่อ เงื่อนไขคือทีมต่อจะต้องเอาชนะด้วยผลต่าง ตั้งแต่ 2 ประตูขึ้นไป ผู้เล่นจึงจะได้รับเงินเต็มตามค่าน้ำที่กำหนด
-
ผลการแข่งขัน: ทีมต่อชนะ 2–0, 3–1, 4–2 หรือมากกว่า
-
เงื่อนไข: ทีมต่อชนะขาดอย่างน้อย 2 ลูก → ผู้เล่นที่เลือกทีมต่อ “ได้เงินเต็ม”
-
ทีมรอง: เมื่อแพ้ตั้งแต่ 2 ลูกขึ้นไป → “เสียเต็ม”
ในกรณีทีมต่อชนะขาด 2 ลูกขึ้นไป ผู้ที่แทงทีมต่อจะได้กำไรเต็มตามค่าน้ำ ส่วนผู้ที่เลือกทีมรองจะเสียเงินเต็มจำนวนตามยอดเดิมพัน
กรณีทีมต่อชนะ 1 ลูก
ในราคาบอล 1.5 (ลูกครึ่ง) เงื่อนไขชัดเจนคือ ทีมต่อจะต้องชนะด้วยผลต่าง 2 ประตูขึ้นไป จึงจะได้เงินเต็ม ดังนั้น หากทีมต่อชนะเพียง 1 ประตู ไม่ว่าจะเป็นสกอร์ 1–0, 2–1 หรือ 3–2 จะถือว่า ทีมต่อแพ้เดิมพันทันที
ตัวอย่างการคำนวณ
-
เดิมพัน: แทงทีมต่อ 1,000 บาท
-
ราคาบอล: 1.5
-
ผลการแข่งขัน: ทีมต่อชนะ 2–1 (ชนะเพียง 1 ลูก)
ผลลัพธ์:
-
ผู้แทงทีมต่อ → เสียเต็ม 1,000 บาท
-
ผู้แทงทีมรอง → ได้เต็ม 1,000 บาท เพราะทีมรองแพ้ไม่เกิน 1 ลูก
กรณีทีมต่อชนะเพียง 1 ลูก ถือเป็น “จุดเปลี่ยนสำคัญ” ของราคาบอลลูกครึ่ง เพราะผู้ที่เชียร์ทีมต่อจะเสียเงินทั้งหมด ขณะที่ผู้แทงทีมรองจะได้เต็ม จึงทำให้ราคานี้ถูกมองว่า “เข้าข้างทีมรอง” ตั้งแต่เริ่มต้น
กรณีเสมอหรือทีมรองชนะ
ในราคาบอล 1.5 (ลูกครึ่ง) หากผลการแข่งขันออกมา เสมอ หรือทีมรองเป็นฝ่ายพลิกชนะ ผู้ที่เลือกแทงทีมต่อจะ เสียเต็มทันที ส่วนผู้ที่เลือกแทงทีมรองจะ ได้เงินเต็มตามค่าน้ำ
-
ผลออกมาเสมอ เช่น 0–0, 1–1, 2–2
-
ทีมต่อ → เสียเต็ม
-
ทีมรอง → ได้เต็ม
-
-
ทีมรองชนะ เช่น 2–1, 1–0, 3–2
-
ทีมต่อ → เสียเต็ม
-
ทีมรอง → ได้เต็ม
-
มุมมองจากฝั่งผู้เล่น ทีมต่อ: เสียเปรียบทันที เพราะแม้จะไม่แพ้ในสนาม (เสมอ) แต่เงื่อนไขราคาบอลลูกครึ่งทำให้เสียเงินเต็ม ทีมรอง: มีความได้เปรียบสูงในราคานี้ เนื่องจากนอกจากผลเสมอหรือชนะจะทำให้ได้เงินเต็มแล้ว แม้แพ้เพียง 1 ลูกก็ยังถือว่าชนะเดิมพัน กรณีเสมอหรือทีมรองชนะคือจุดแข็งของการเล่น ทีมรองในราคาลูกครึ่ง (1.5) เพราะผู้เล่นทีมรองมีโอกาสทำกำไรหลายทาง ทั้งเสมอ ชนะ หรือแพ้ไม่เกิน 1 ลูก ขณะที่ทีมต่อแบกรับภาระหนัก ต้องชนะขาดอย่างน้อย 2 ลูกขึ้นไปจึงจะได้เงินเต็ม
ตัวอย่างการคำนวณราคาบอล 1.5
เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น มาลองดูตัวอย่างจริงของการวางเดิมพันในราคาบอล 1.5 (ลูกครึ่ง) โดยสมมุติว่า ทีม A เป็นทีมต่อ และ ทีม B เป็นทีมรอง
ตัวอย่างการคำนวณ: เดิมพันทีมต่อ 100 บาท (ราคาบอล 1.5)
สมมติผู้เล่นเลือกแทง ทีม A เป็นทีมต่อ ที่ราคาบอล 1.5 (ลูกครึ่ง) ด้วยเงินเดิมพัน 100 บาท และค่าน้ำ 0.95 ผลลัพธ์จะเป็นดังนี้
ผลการแข่งขัน | ผลต่างประตู | ผลลัพธ์ทีมต่อ | กำไร/ขาดทุน |
---|---|---|---|
ทีม A ชนะ 2–0, 3–1, 4–2 (ชนะ 2 ลูกขึ้นไป) | ≥ 2 ลูก | ได้เต็ม | +95 บาท (กำไรจากค่าน้ำ 0.95) |
ทีม A ชนะ 1–0 หรือ 2–1 (ชนะ 1 ลูก) | 1 ลูก | เสียเต็ม | –100 บาท |
ทีม A เสมอ (0–0, 1–1 ฯลฯ) | 0 ลูก | เสียเต็ม | –100 บาท |
ทีม A แพ้ (0–1, 1–2 ฯลฯ) | ทีมต่อแพ้ | เสียเต็ม | –100 บาท |
ในราคาบอลลูกครึ่ง (1.5) ผู้ที่เดิมพัน ทีมต่อ จะได้กำไร ก็ต่อเมื่อทีมต่อชนะขาดตั้งแต่ 2 ลูกขึ้นไปเท่านั้น หากชนะเพียงลูกเดียว เสมอ หรือแพ้ จะเสียเต็มจำนวน
ตัวอย่างการคำนวณ: เดิมพันทีมรอง 100 บาท (ราคาบอล 1.5)
สมมติผู้เล่นเลือกแทง ทีม B เป็นทีมรอง ที่ราคาบอล 1.5 (ลูกครึ่ง) ด้วยเงินเดิมพัน 100 บาท และค่าน้ำ 0.90 ผลลัพธ์จะเป็นดังนี้
ผลการแข่งขัน | ผลต่างประตู | ผลลัพธ์ทีมรอง | กำไร/ขาดทุน |
---|---|---|---|
ทีม B แพ้ 1 ลูก (0–1, 1–2) | แพ้ไม่เกิน 1 ลูก | ได้เต็ม | +90 บาท (กำไรจากค่าน้ำ 0.90) |
ทีม B เสมอ (0–0, 1–1) | ไม่แพ้ | ได้เต็ม | +90 บาท |
ทีม B ชนะ (1–0, 2–1) | ชนะ | ได้เต็ม | +90 บาท |
ทีม B แพ้ 2 ลูกขึ้นไป (0–2, 1–3) | แพ้มากกว่า 1 ลูก | เสียเต็ม | –100 บาท |
การแทงทีมรองในราคาบอลลูกครึ่ง (1.5) ถือว่ามี แต้มต่อในมือ ตั้งแต่เริ่มเกม ผู้เล่นจะได้เงินเต็มเกือบทุกกรณี ไม่ว่าจะเสมอ ชนะ หรือแม้แต่แพ้เพียงลูกเดียว จะเสียเต็มก็ต่อเมื่อทีมรองแพ้ตั้งแต่ 2 ประตูขึ้นไป ทีมรองมีความได้เปรียบมากกว่า เพราะถึงแม้จะแพ้ 1 ลูก ก็ยังชนะเดิมพัน
ข้อดี–ข้อเสียของการเล่นราคาบอล 1.5
ราคาบอล 1.5 หรือ ลูกครึ่ง เป็นหนึ่งในอัตราต่อรองที่มักพบเจอบ่อย โดยเฉพาะในคู่ที่ทีมใหญ่เจอกับทีมเล็ก เพราะสะท้อนถึงความต่างชั้นของทีมที่ชัดเจน แม้ราคานี้จะเข้าใจง่าย แต่ก็มีทั้ง จุดแข็ง และ ข้อจำกัด ที่ผู้เล่นควรทำความเข้าใจก่อนเลือกเดิมพัน
ข้อดีของราคาบอล 1.5
-
ทีมใหญ่ยิงขาดได้บ่อย หากทีมต่อเป็นทีมที่มีฟอร์มแข็งแกร่ง มีเกมรุกดุดัน การเลือกเล่นฝั่งทีมต่อสามารถทำกำไรได้ง่าย เพราะมีโอกาสชนะด้วยผลต่าง 2–3 ลูกขึ้นไป
-
ทีมรองได้เปรียบทันที การเล่นทีมรองถือว่าได้เปรียบตั้งแต่เริ่มเกม เพราะแม้จะแพ้เพียง 1 ลูกก็ยังชนะเดิมพันเต็มจำนวน ทำให้ผู้เล่นที่เลือกทีมรองมีโอกาสลุ้นได้หลายทาง
-
วิเคราะห์ง่ายขึ้น ราคาลูกครึ่งมักจะเปิดในแมตช์ที่ต่างชั้นชัดเจน เช่น ทีมใหญ่เจอทีมเล็ก ผู้เล่นสามารถใช้ข้อมูลสถิติ ฟอร์มการเล่น และความต่างของคุณภาพทีมมาประกอบการวิเคราะห์ได้ง่ายกว่าแมตช์สูสี
ข้อเสียของราคาบอล 1.5
-
-
ทีมต่อแบกความเสี่ยงสูง ทีมต่อจะได้เงินก็ต่อเมื่อชนะด้วยผลต่าง 2 ลูกขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งแม้จะเป็นทีมใหญ่ แต่การยิงขาดเกินหนึ่งลูกก็ไม่ใช่เรื่องง่ายในทุกเกม
-
บอลสูสีอาจเสียเปรียบมาก หากเจอคู่ที่ศักยภาพใกล้เคียงกัน ราคานี้จะทำให้ฝั่งทีมต่อเสี่ยงเสียเงินสูง เพราะมีโอกาสชนะเพียงลูกเดียวหรือเสมอได้มาก
-
ทีมรองเสี่ยงหากโดนยิงเร็ว แม้ทีมรองจะได้เปรียบ แต่หากถูกทีมต่อยิงนำเร็วตั้งแต่ต้นเกม ความกดดันจะสูงขึ้นทันที และมีโอกาสเสียเต็มหากทีมต่อบุกต่อเนื่องและยิงเพิ่ม
-
ราคาบอล 1.5 (ลูกครึ่ง) เป็นราคาที่ “ทีมรองดูได้เปรียบ” แต่ก็ไม่ใช่ว่าฝั่งทีมต่อจะเสียเปรียบเสมอไป หากทีมต่อเป็นทีมที่มีเกมรุกแข็งแกร่งก็ยังคงเป็นตัวเลือกทำกำไรได้ดี ดังนั้น ผู้เล่นควรพิจารณาจาก ฟอร์มทีม ข้อมูลสถิติ และความต่างชั้น ประกอบการตัดสินใจก่อนเดิมพันทุกครั้ง การเล่นราคาบอล 1.5 มีทั้งโอกาสและความเสี่ยง ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ฟอร์มทีมและสถานการณ์ หากเป็นทีมใหญ่ที่ฟอร์มร้อนแรง ราคานี้น่าเล่นทีมต่อ แต่ถ้าเป็นบอลสูสีหรือทีมต่อยิงไม่ขาด ทีมรองจะได้เปรียบมากกว่า
เทคนิคการเล่นราคาบอลลูกครึ่งให้ได้เปรียบ
ราคาบอล 1.5 (ลูกครึ่ง) เป็นอัตราต่อรองที่มักจะสร้างความกดดันให้ฝั่งทีมต่อ เพราะต้องยิงขาดอย่างน้อย 2 ลูกขึ้นไปถึงจะชนะเดิมพัน ขณะเดียวกันทีมรองก็ได้เปรียบตั้งแต่เริ่มเกม การเล่นราคานี้จึงไม่ควรพึ่งดวงเพียงอย่างเดียว แต่ควรใช้เทคนิคการวิเคราะห์เข้ามาช่วยเพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไร วิเคราะห์สถิติการยิงประตูของทีมต่อ ก่อนเลือกแทงทีมต่อ ควรตรวจสอบข้อมูลเชิงสถิติ เช่น ทีมต่อมีค่าเฉลี่ยการยิงประตูต่อเกมอยู่ที่เท่าไร เมื่อเจอกับทีมรองในอดีต มีการชนะขาดเกิน 2 ลูกบ่อยหรือไม่ ฟอร์มการเล่นเกมรุกปัจจุบันเป็นอย่างไร เช่น กองหน้าตัวหลักทำประตูได้ต่อเนื่องหรือไม่ หากทีมต่อยิงได้เฉลี่ยน้อยกว่า 2 ลูกต่อเกม การเล่นทีมรองอาจเป็นทางเลือกที่ได้เปรียบกว่า
ดูฟอร์มการเล่นของทีมรอง แม้ทีมรองจะดูด้อยกว่าบนกระดาษหรือสถิติรวม แต่ในโลกของการแทงบอล สิ่งสำคัญคือต้องดู ฟอร์มการเล่นจริงในสนาม โดยเฉพาะในด้านเกมรับและความสามารถในการต้านทานแรงกดดันจากทีมใหญ่ ซึ่งอาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทีมรอง “ได้เปรียบ” เมื่อเดิมพันในราคาลูกครึ่ง (1.5) จุดที่ควรพิจารณา แพ้เพียงเฉือนลูกเดียวบ่อยครั้ง หากสถิติย้อนหลังชี้ว่าทีมรองเจอกับทีมใหญ่แล้วมักแพ้เพียงแค่ 0–1 หรือ 1–2 อยู่บ่อย ๆ แสดงว่าพวกเขามีเกมรับที่เหนียวพอตัว และมีโอกาสทำกำไรหากเลือกแทงทีมรองในราคาลูกครึ่ง เกมรับมีวินัยสูง ทีมรองบางทีมอาจไม่มีเกมรุกดุดัน แต่มีระเบียบวินัยในการตั้งรับ เช่น การยืนโซน การประกบตัว หรือการเล่นเกมสวนกลับเพื่อลดแรงกดดัน สิ่งเหล่านี้ช่วยจำกัดโอกาสเสียประตูไม่ให้เกิน 1 ลูก ผลงานนอกบ้าน (เกมเยือน) หากทีมรองมีสถิติการเล่นเกมเยือนที่ดี หรือแพ้แบบสูสี ไม่โดนถล่มบ่อยครั้ง ก็ถือเป็นสัญญาณว่าพวกเขาเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในราคาลูกครึ่ง
เลือกเล่นบอลสดเพื่อตามราคาบอลไหล หนึ่งในเทคนิคที่ช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรในการเล่นราคาบอลลูกครึ่ง (1.5) คือการ เลือกแทงบอลสด (Live Betting) เพราะผู้เล่นสามารถเห็นรูปเกมจริงก่อนตัดสินใจเดิมพัน ทำให้ไม่ต้องเสี่ยงเดาสุ่มจากสถิติหรือข้อมูลก่อนแข่งเพียงอย่างเดียว วิเคราะห์รูปเกมแล้วรอราคาบอลไหล ทีมต่อบุกหนักตั้งแต่ต้นเกม หากทีมต่อมีจังหวะบุกต่อเนื่อง ยิงเข้ากรอบหลายครั้ง หรือสร้างโอกาสชัดเจนได้เรื่อย ๆ อาจเลือก “รอจังหวะ” ให้ราคาต่อรองไหลลงจาก 1.5 → 1.0 แล้วค่อยกดทีมต่อ วิธีนี้ช่วยลดความเสี่ยงเพราะไม่จำเป็นต้องลุ้นให้ยิงขาดถึง 2 ลูก ทีมรองตั้งรับเหนียวแน่น หากทีมรองเล่นเกมรับได้ดี ไม่เสียประตูง่าย ๆ หรือแม้แต่สวนกลับได้อันตราย การแทงทีมรองทันทีในราคาลูกครึ่งถือว่าน่าสนใจ เพราะแม้จะแพ้ 1 ลูกก็ยังชนะเดิมพัน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ถาม : ราคาบอล 1.5 ต่างจาก 1.5-2 ยังไง?
-
ราคาบอล 1.5 (ลูกครึ่ง) → ทีมต่อจะต้องชนะ 2 ลูกขึ้นไป ถึงจะได้เงินเต็ม ชนะเพียง 1 ลูกเสียเต็ม
-
ราคาบอล 1.5-2 (ลูกครึ่งควบสอง) → ทีมต่อชนะ 2 ลูก จะได้เงิน ครึ่งหนึ่ง ของค่าน้ำ และถ้าชนะ 3 ลูกขึ้นไปจะได้เต็ม แต่ถ้าชนะเพียง 1 ลูก ทีมต่อเสียเต็ม ทีมรองได้เต็ม
📌 ดังนั้นราคา 1.5 จะ “ตัดสินชัดเจน” ได้หรือเสียเต็ม ส่วน 1.5-2 ยังมีโอกาสได้ครึ่ง/เสียครึ่ง
ถาม : มือใหม่ควรเล่นราคาบอลลูกครึ่งไหม?
ควรเล่นได้ แต่ต้องวิเคราะห์ให้รอบคอบ เพราะราคานี้ทีมต่อค่อนข้างเสียเปรียบ ต้องยิงให้ขาดถึง 2 ลูกขึ้นไป มือใหม่อาจเริ่มจากการเล่นทีมรองในราคานี้ก่อน เพราะทีมรองสามารถแพ้ได้ 1 ลูกและยังชนะเดิมพัน เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่มั่นใจในการวิเคราะห์เชิงลึก
ถาม : แทงบอลราคา 1.5 เหมาะกับบอลคู่ไหน?
ราคาลูกครึ่งมักใช้กับคู่ที่ ทีมใหญ่เจอทีมเล็ก หรือทีมที่มีศักยภาพแตกต่างกันชัดเจน เช่น ทีมอันดับต้นตารางพบทีมท้ายตาราง การเล่นทีมต่อในกรณีนี้มีโอกาสสูงที่จะยิงขาดเกิน 2 ลูก แต่ถ้าเป็น บอลสูสีหรือดาร์บี้แมตช์ ราคานี้เหมาะกับการเล่นทีมรองมากกว่า เพราะมักจบด้วยผลต่างไม่เกิน 1 ลูก